ขายให้เหมือนเจ้าของกิจการ

หนึ่งในวิธีการขายที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งคือ “ทำตัวให้เหมือนเป็นเจ้าของกิจการ”

อย่าคิดว่าตัวเองเป็นแค่เซลล์แมนที่ต้องทำยอด

แนวคิดความเป็นเจ้าของกิจการที่แหละที่จะพาคุณเข้าเส้นชัยได้ก่อนใคร

บางคนบอกว่า นี่ก็เป็นแค่แนวคิดหรูๆที่หลอกให้นักขายทำงานให้หนัก

สุดท้ายเงินก็เข้ากระเป๋าเจ้าของ ส่วนเซลล์แมนก็ได้แค่เศษเนื้อไปกิน

บอกได้เลยว่าไม่ใช่อย่างที่คุณคิดแน่นอน

บทความนี้จะมาบอกว่าการขายให้เหมือนเป็นเจ้าของกิจการต้องทำอย่างไรและสุดท้ายคุณจะได้อะไรบ้างจากวิธีการนี้

มาติดตามกันเลยครับ

ถ้าขายไม่ได้บริษัทเจ๊ง

แนะนำให้คิดแบบนี้อยู่ในหัวตลอดเวลาว่าถ้าขายไม่ได้บริษัทจะเจ๊งและเราก็จะเจ๊งตาม

คุณคงไม่ต้องจบด้านบริหารธุรกิจก็คงสามารถคำนวณคร่าวๆได้ว่าบริษัทคุ้มหรือไม่ในการจ้างคุณครั้งนี้

ไม่ใช่คิดแต่ว่าบริษัทกำลังเอาเปรียบเราหรือเปล่า ถ้าให้วิ่งเพิ่มเค้าจ่ายเบี้ยเลี้ยงเราหรือไม่ ถ้าทำงานเพิ่มก็ต้องได้โอที ฯลฯ

อย่าหยุมหยิมคิดเล็กคิดน้อย

อะไรที่ช่วยบริษัทลดต้นทุนได้ก็ควรทำ และพยายามมุ่งหายอดเข้ามาเพิ่มให้ได้มากที่สุด

อีกอย่างที่ต้องตระหนักอยู่ตลอดเวลาคือ “อย่ารอแต่ยอดนอนมาจากลูกค้าเดิม”

ให้พยายามหาลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มให้บริษัทตลอดเวลาแม้จะทำถึงเป้าแล้วก็ตาม

ถ้าทำได้แบบนี้บริษัทก็อยู่รอดและเติบโต

ถ้าขายแล้วไม่ได้กำไรก็ไม่ควรขาย

อีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำคือ “อย่าคิดถึงแต่ยอดขาย”

บางคนถูกวัดผลจากยอดขายอย่างเดียว ดังนั้นเค้าอาจจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ยอดซึ่งไม่เว้นแม้แต่ลดราคากระหน่ำเพื่อให้ปิดการขายได้

นั่นไม่ใช่วิธีของเจ้าของกิจการ

ต้องแยกให้ออกระหว่างยอดขายกับกำไร

ยอด 1 ล้านบาทแต่กำไรแค่ 2% (20,000 บาท) คุณว่าน่าขายหรือไม่ครับ

บางคนบอกว่าก็แล้วไง ในเมื่อโจทย์คือผมต้องทำยอด ค่าคอมมิชชั่นของผมก็มาจากยอดขาย ดังนั้นผมต้องอยู่ต้องกิน ทำไมผมจึงจะขายไม่ได้

ลองคิดกลับกันนะครับ กำไรที่เหลือนั้นอาจยังไม่ได้หักค่าเงินเดือน ค่าขนส่ง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

หนำซ้ำพอได้ลูกค้ารายดังกล่าวมาก็ต้องทุ่มเวลาในการบริการอีกต่างหาก

สิ่งที่ผมแนะนำคือ ถ้าเห็นว่าไม่คุ้มหรือไม่มีกำไรมากพอก็ให้ใจกล้าๆตัดสินใจที่จะไม่ขาย

เคาะและฟันธงเสมือนหนึ่งคุณเป็นเจ้าของร่วม

เดินไปบอกหัวหน้าของคุณว่าทำไมคุณถึงเห็นว่าเราไม่ควรขายในเคสดังกล่าว นี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่ผมแนะนำ

ถ้าขายแล้วเก็บเงินไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์

ผมเชื่อว่าหัวข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเยอะ

ประโยคเดียวสั้นๆชัดเจนในตัวมันเอง

ออกตัวก่อนว่าส่วนตัวผมไม่เคยเชียร์ให้นักขายต้องมาทำหน้าที่รับเช็ควางบิลเก็บเงิน อันนี้ถือเป็นคนละเรื่องกัน

แต่นักขายควรมีจิตวิญญาณของเจ้าของกิจการที่ช่วยสอดส่องเครดิตของลูกค้าให้ดีรวมถึงติดตามให้การเก็บเงินรวดเร็วเรียบร้อย

อะไรที่ดูไม่ชอบมาพากลก็ต้องช่วยบริษัทระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา

อย่าคิดว่าบริษัทเอาเปรียบ

ทั้งหมดทั้งมวลนั้นต้องขอสรุปในประเด็นสุดท้ายนี้

กล่าวคือทั้งหมดที่แนะนำให้ทำนั้นบางคนมองว่าเราในฐานะนักขายไม่ได้อะไรเลย ประโยชน์ตกอยู่ที่บริษัททั้งหมด

เราช่วยสอดส่องดูแลเหมือนเป็นเจ้าของกิจการ สุดท้ายเราได้แค่แทะเล็มเศษเนื้อ

เผลอๆไม่เหลืออะไรถึงเราแถมต้องเอากระดูกแขวนคออีกต่างหาก

ใครที่คิดเช่นนี้อยู่ต้องบอกว่า “คิดใหม่”

วิธีการขายแบบเจ้าของกิจการนั้นอาจสร้างความยากลำบากและทำให้คุณชวดโอกาสในการปิดยอดด้วยซ้ำในบางกรณี อันนี้ผมยอมรับ

แต่มีโอกาสบางอย่างสำหรับคุณที่ซ่อนอยู่จากแนวทางการทำงานเช่นนี้ โอกาสที่ว่าได้แก่

  • โอกาสที่จะได้รับการโปรโมทเลื่อนขั้นเพราะบริษัทมองเห็นศักยภาพความเป็นผู้นำ
  • โอกาสที่จะได้ฐานลูกค้าที่จงรักภักดีและกลับมาซื้อซ้ำหรือช่วยเราบอกต่อโดยที่เราไม่ต้องออกแรงเยอะ
  • โอกาสที่เราจะได้เรียนรู้และปูพื้นความเป็นเจ้าของกิจการที่แท้จริงเพื่อโอกาสต่อยอดในการทำธุรกิจส่วนตัวในอนาคต

3 อย่างที่ว่าดังกล่าวคือมูลค่าของโอกาสที่แพงอย่างมหาศาล

และอย่าลืมว่าคนที่ได้ประโยชน์คนแรกในเรื่องพวกนี้คือ “ตัวคุณ”

แต่ถ้าเรามองไม่เห็นและมัวแต่มองสิ่งตรงหน้าเช่นค่าคอมมิชชั่น โอกาสที่เราจะเติบโตแทบไม่มีในระยะยาว

นี่ต่างหากคือขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่จากแนวคิดการขายแบบเจ้าของกิจการ

บทสรุป

ใครที่กำลังหลงผิดและคิดแต่เรื่องยอดขายหรือค่าคอมมิชชั่นแต่เพียงอย่างเดียว ท่านผู้นั้นต้องคิดใหม่ทันที

การขายแบบเจ้าของกิจการต่างหากที่จะทำให้คุณจีรังในโลกแห่งการขายนี้

ข้อแรกให้ทุ่มเททำงานเชิงรุกเสมือนหนึ่งถ้าขายไม่ได้บริษัทกำลังจะปิดตัวลง หาลูกค้าใหม่เข้ามาเติมตลอดเวลาและอย่านั่งรอแต่ออเดอร์จากลูกค้าเก่า

ข้อสองให้เน้นที่กำไร อะไรที่ปิดได้แต่ไม่เหลือกำไรก็พยายามหลีกเลี่ยง

ข้อสามอย่าลืมเรื่องการเก็บเงิน เพราะสุดท้ายถ้าขายได้แต่ไม่มีเงินเข้าก็ไม่มีประโยชน์อะไร

และที่สำคัญที่สุด ทั้งหมดที่ทำนี้เพื่อ “โอกาสมหาศาลที่ซ่อนอยู่” และเป็นโอกาสที่คุณจะได้เป็นคนแรก ไม่ใช่บริษัท

แนวคิดนี้จะช่วยให้คุณเติบโตได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมในสายงานขายอย่างแน่นอนครับ