วันนี้ขอนอกเรื่องพูดถึงเป้าหมายอย่างหนึ่งของ Sales101 กันครับ

เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ Sales University หรือโรงเรียนสอนขายที่ผมคิดว่าประเทศไทยต้องมี

 

ถ้าคนที่เคยติดตามเพจ Sales101 จะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

(คลิกดูลิงก์สำหรับเนื้อหาที่เคยพูดถึงตั้งแต่ 1 มกราคม 2018 Link>> http://bit.ly/sales-university )

 

วันนี้อยากมาชวนคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งและอาจขออนุญาตเอาพื้นที่ตรงนี้มาอัพเดทความคืบหน้ากันเป็นระยะ

 


 

ในฐานะที่ผมอยู่วงการขายมาเกือบ 20 ปี มีปัญหาหลายอย่างที่ผมมองเห็น แต่ยังไม่เห็นคนแก้

ถ้าพูดถึงองค์กรต่างๆ แน่นอนว่าการทำยอดขายน่าจะเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ แต่ปัญหาที่เห็นคือการหาพนักงานขายนั้นยากมากๆ

 

นอกจากนั้นแล้วพนักงานขายที่มีอยู่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการพัฒนาเทคนิคการขายในทิศทางที่ควรเป็น

การอบรมพนักงานก็อาจจะมีแค่ความรู้ผลิตภัณฑ์หรือบางที่ไม่มีเลย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วขายอะไรอาจไม่สำคัญเท่าขายอย่างไร

 

ถ้าองค์กรทราบว่าพนักงานขายที่มีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการขององค์กรจะหาได้จากที่ไหน ก็จะประหยัดเวลาได้อย่างมหาศาล

และถ้าพนักงานขายของทุกบริษัทขายเก่งขึ้นกว่าเดิมอีกแค่คนละ 10-20% ผลงานองค์กรจะเติบโตขึ้นชัดเจนและส่งผลต่อ GDP ทั้งประเทศ

 


 

ถ้าพูดถึงส่วนบุคคล ต้องบอกว่าไม่มีการขายยุคไหนที่จะเฟื่องฟูเท่ายุคนี้อีกแล้ว

การจะหาเงินเข้ากระเป๋าจากการขายจริงๆมีหลายช่องทางให้คุณได้เลือกไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ พนักงานเต็มเวลาหรือแค่ฟรีแลนซ์ ขายให้คนอื่นหรือเป็นเจ้าของกิจการเอง

 

บางครั้งไม่จำเป็นต้องมีเงินลงทุนซักบาท ไม่ต้องมีวุฒิการศึกษาใดๆสูงส่งก็ขายได้เช่น Dropship

แต่หลายคนแค่ขาดเข็มทิศนำทางในการบอกว่าเริ่มขายอย่างไร และทำอย่างไรให้ขายดี

 

ถ้าทุกคนขายเก่งและหาเงินเป็น GDP ประเทศเติบโตอีกมหาศาล

 


 

ถ้าพูดถึงระดับประเทศ ผมต้องบอกว่านี่เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก

ในภาคเอกชน การทำยอดขายคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของทุกองค์กร แต่ไม่มีโรงเรียนไหนที่สอนเรื่องการขายเลย (การขายกับการตลาดเป็นคนละเรื่องกันนะครับ)

 

ทุกคนมองว่าการขายคือ common sense อาศัยพูดเก่งบุคลิคดีก็ลุยโลด แต่จริงๆไม่ใช่ เพราะการขายคือวิทยาศาสตร์ที่เรียนรู้ได้ มีหลักการมีขั้นตอน

นอกจากนั้นยังมีคนตกงานในประเทศเราระดับหลายแสนคน ซึ่งถ้าส่วนหนึ่งของผู้ว่างงานดังกล่าวขายของเป็นและสร้างรายรับได้คุณคิดดูสิครับว่า GDP เราจะเติบโตขึ้นอีกแค่ไหน

 


 

ผมมีแนวคิดที่ต้องการให้ประเทศไทยมี Sales University หรือโรงเรียนผลิต GDP นี้

แนวคิดที่ว่าเริ่มต้นมาตั้งแต่ประมาณ 2 ปีที่แล้วและตอนนี้กำลังมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก

 

ที่นี่จะไม่ใช่เป็นแค่โรงเรียนที่เปิดคอร์สสอนการขายอย่างเดียว แต่ความแตกต่างหลักๆคือ

 

1. Research Center

ที่สหรัฐอเมริกามีการใช้งบการวิจัยในส่วนด้านการขายอย่างเดียวหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี

นั่นแปลว่าเค้ามองเห็นความสำคัญในการศึกษาทั้งพฤติกรรมของนักขายและพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าที่นับวันก็จะมีความแตกต่างออกไป

 

ผมคิดว่าที่ Sales University ของประเทศเราต้องมี Research Center ดังกล่าว

เราต้องมีทีมทำวิจัยที่เป็นข้อมูลของพฤติกรรมการขายในประเทศของเรา ต้องเป็น First Tier Research กล่าวคือไม่ใช่แค่เอาบทวิจัยของเมืองนอกมาเล่าต่อ

 

เราต้องมีข้อมูลในมือว่าทำอย่างไรศักยภาพการขายถึงจะสูงขึ้น ที่นี่จะมีทีมวิจัยใหญ่ที่ลงพื้นที่ทั่วประเทศและนำสถิติทางวิทยาศาสตร์ทุกอย่างมาแปรผลเป็นวิธีการ

 

2. Technology

การขายในยุคนี้ต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งภาคบุคคลและภาคองค์กร

ไม่ว่าจะเป็น Mobile Application, CRM, หรือ Software ต่างๆที่เกี่ยวข้อง ที่นี่จะเป็นแหล่งรวมเทคโนโลยีทั้งหมดให้คุณเลือกสรร

 

และเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดที่เราจะสร้างขึ้นคือ “Sales Lab”

เปรียบเทียบแล้วเหมือนศูนย์วิทยาศาสตร์ทางกีฬาระดับโลก นักกีฬาจะได้มาศึกษาทั้งตัวเองและคู่แข่งเพื่อปรับแผนการเล่น

 

นักขายก็เช่นกัน คุณจะได้ประโยชน์จาก Sales Lab โดยได้ศึกษาตัวเองทั้งในแง่สคริปต์ที่ใช้ ภาษากาย วิธีการนำเสนอ จังหวะจะโคนต่างๆ

และศึกษาลูกค้าเพื่ออ่านพฤติกรรม ดูอากัปกิริยาของลูกค้า อ่านสัญญาณการซื้อ และอื่นๆ เทคโนโลยีเหล่านี้จะมีอย่างครบถ้วน

 

3. 100% Sales Ecosystem

ที่นี่จะเป็นศูนย์รวมที่ครบวงจร ไล่ตั้งแต่แหล่งรวมข้อมูลการขายจากทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจากทั้งในและต่างประเทศ และคนที่มองหา community ที่พร้อมช่วยเหลือกัน

เมื่อคุณก้าวเข้ามาใน Sales University ทุกคนรอบตัวคุณจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่มีส่วนช่วยให้คุณเติบโต

 

ไม่ว่าเพื่อนที่มาเรียนด้วยกัน องค์กรต่างๆที่เข้ามาสนับสนุน คณะผู้สอน หรือแม้แต่ Supplier ทุกคน

Community นี้จะเปิดโอกาสให้คุณได้หา network เพื่อต่อยอดในมุมต่างๆ

 

ไม่ว่าจะเป็นหาคู่ค้า หาเพื่อนแนะนำ หา supplier หรือแม้แต่แค่เดินไปถามจากคนที่ประสบความสำเร็จว่าเค้าทำอย่างไร

Sales Ecosystem นี้จะไม่ใช่แค่ปล่อยให้คุณเดินแลกนามบัตรและแนะนำตัวกันเองหรือแค่แอดกลุ่มใน social network

 

แต่เราจะมีระบบที่รองรับเพื่อให้เป็น community ที่เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกคน

คอยติดตามกันนะครับ เงินหลักพันล้านที่หมุนอยู่ในระบบนี้กำลังจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างในเร็วๆนี้