บทที่ 186: โอกาสที่ซ่อนอยู่แม้ปิดการขายไม่ได้
แน่นอนว่าไม่มีใครที่ปิดการขายได้ 100% ตลอดเวลา
ต้องมีลูกค้าบางรายที่เราปิดไม่ได้บ้างแน่นอน
สิ่งที่สำคัญที่นักขายหลายคนมองข้ามหรือไม่รู้เลยคือ “ถ้าปิดไม่ได้แล้วต้องทำอย่างไรต่อ”
ใช่แล้วครับ ถ้าปิดไม่ได้ก็ใช่ว่าจะเงียบหายไปเลยและไม่ต้องทำอะไร ยังมีหลายอย่างที่เรายังสามารถทำได้แม้ทางจะตันแล้ว
ในบทความนี้จะมารื้อโอกาสที่ยังซ่อนอยู่มาให้คุณดูพร้อมวิธีการที่จับต้องได้
มาติดตามกันเลยครับว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องทำแม้จะปิดการขายไม่ได้ก็ตาม
1) วิเคราะห์โอกาสที่เหลือ (ในอนาคต)
อยากให้ลองวิเคราะห์แบบใจเย็นๆโดยไม่เซ็งไม่ท้อเสียก่อนเพราะว่าเที่ยวนี้ปิดไม่ได้
ให้มองให้รอบด้านจริงๆโดยเฉพาะโอกาสในอนาคต
แนะนำให้ใช้ Checklist ดังต่อไปนี้
- สัญญามีอายุนานแค่ไหน
- ธุรกิจเรา Switching Cost สูงหรือต่ำ (ถ้าจะเปลี่ยนไปใช้เจ้าอื่นมีความซับซ้อนหรือไม่ หรือถ้าอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้เลย)
- คู่แข่งแกร่งเพียงใด มีโอกาสที่เค้าจะเพี่ยงพล้ำหรือไม่
- ลูกค้าพร้อมแบ่งซื้อหรือไม่
- ความสัมพันธ์ของเรากับลูกค้ายังดีอยู่หรือไม่
หวังว่าทุกท่านพอจะเห็นภาพนะครับ
ถ้าใช้ Checklist ที่ว่าดังกล่าว ตัวคุณจะพอตอบโจทย์ได้ทันทีว่าลูกค้ารายนี้ควรคุยต่อหรือไม่
ถ้าสุดท้ายคำตอบคือ “โอกาสของเราไม่เหลืออีกแล้วแน่นอนในอนาคต” ผมแนะนำว่าไม่ต้องทำอะไรต่อเลย
แต่ถ้าดูแล้วยังพอมีโอกาสเหลืออยู่ในอนาคต แนะนำให้คุณลองอ่านบทความนี้จนจบครับ
ผมจะเขียนแนะนำว่าต้องทำอะไรกับลูกค้าเหล่านั้นบ้างแม้จะปิดการขายเที่ยวนี้ไม่ได้ก็ตาม
2) ทักไปขอบคุณลูกค้าอย่างเป็นทางการ
เมื่อวิเคราะห์แล้วเห็นว่าลูกค้ารายดังกล่าวยังมีโอกาสเหลือในอนาคต อย่าลังเลที่จะทักไปขอบคุณลูกค้าแม้เค้าจะไม่ให้งานเรา
ความเป็นจริงผมเชียร์ว่าควรจะทำเช่นนี้ทุกรายด้วยซ้ำแม้วิเคราะห์แล้วลูกค้าจะไม่มีศักยภาพเหลือให้เราติดตามก็ตาม
แต่ที่ผมต้องแนะนำเรื่องการคัดกรองลูกค้านั้นเป็นเพราะบางธุรกิจปริมาณงานที่เราเสนอนั้นเยอะจริงๆ ซึ่งอาจทำให้เราไม่มีเวลาเหลือในการทักไปขอบคุณทุกเจ้า
แนะนำให้ใช้สคริปต์ประมาณนี้ครับ
“ขอบคุณคุณลูกค้านะครับที่อย่างน้อยยังให้โอกาสกับทางผม ครั้งนี้คงจะมีเจ้าอื่นที่ดีกว่าผมจริงๆซึ่งผมก็เคารพการตัดสินใจ อย่างไรก็ตามคุณลูกค้าพอจะแนะนำเราได้หรือไม่ครับว่านอกเหนือจากเรื่องราคาแล้วทางเราควรปรับปรุงในจุดไหนบ้าง เผื่ออนาคตทางผมจะได้แก้ไขและลองกลับมาเสนอดูอีกครั้ง”
ประโยคที่ว่าดังกล่าวมีสิ่งที่ซ่อนอยู่ดังต่อไปนี้
- เป็นการโชว์สปิริตที่ยอดเยี่ยม
- อาจได้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มว่าทำไมเราถึงแพ้
- เป็นการเกริ่นโยนหินถามทางล่วงหน้าไว้เลยสำหรับการกลับมาติดตามลูกค้าใหม่ในอนาคต
- เป็นการทิ้งท้ายด้วยการสร้างความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับลูกค้า
เห็นหรือไม่ครับว่าการโทรไปหาลูกค้าเพื่อพูดสิ่งนี้จะแลกมาด้วยประโยชน์ถึง 4 เด้งด้วยกัน
ไม่เสียเวลาเลยนะครับที่จะทำเช่นนี้แม้เราจะแพ้ไปแล้วก็ตาม
3)ติดต่ออย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงแรก
แนะนำให้ลองติดต่อลูกค้าดูในช่วงแรกหลังจากที่เค้าไปใช้บริการกับที่อื่นเรียบร้อยแล้ว
การติดต่อไปนั้นยิ่งมีความสำคัญโดยเฉพาะถ้าเป็นลูกค้าเก่าที่คุณเคยดูแลรู้ใจกันมาก่อน
กรณีนี้ทำเผื่อคู่แข่งพลาด
ถ้าพูดตรงๆภาษาชาวบ้านเลยก็คือรอเสียบ
อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมบาลานซ์ให้ดีและอย่าติดต่อจนดูเหมือนเป็นการเร้าหรือจนเกินไป
ลองทักไปพูดคุยทักทายถามไถ่ดู
และถ้าพบว่าลูกค้ากำลังประสบปัญหาบางอย่าง ข้อแนะนำคือให้รีบช่วยลูกค้าทันทีในสิ่งที่ช่วยได้
อย่าเพิ่งไปคิดซับซ้อนว่าทำฟรีหรือไม่ คุ้มหรือไม่คุ้ม และอื่นๆ
นี่คือโอกาสทองฝังเพชร ถ้าคุณยื่นมือช่วยลูกค้าอย่างทันท่วงทีในขณะที่เค้ามีปัญหา ผมมั่นใจว่าเผลอๆโอกาสจะกลับมาทางฝั่งคุณเร็วกว่าที่คิด
4) รอคอยโอกาสและให้บริการบางอย่าง
หลังจากนั้นให้คุณรอคอยโอกาสอย่างอดทน
เช่นในระหว่าง 1 ปีที่เสียลูกค้าไปก็อย่าลืมที่จะติดต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ถ้ามีการให้บริการลูกค้าบางอย่างได้ก็ยิ่งดีแม้ยอดขายที่ได้มาจะน้อยนิดหรือเผลอๆจะไม่ได้ยอดขายอะไรเลยก็ตาม
เกมนี้เหมือนการวิ่งมาราธอน อย่าไปมองแค่ระยะสั้นอย่างเดียวโดยเด็ดขาด
นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่คุณควรทำคือการเก็บรายละเอียดในฐานข้อมูลให้ครบถ้วน
บางคนบอกว่าแพ้ไปแล้วและยังต้องเสียเวลามานั่งลงข้อมูลในรายงานอีกหรือ สู้เอาเวลาไปหาลูกค้ารายใหม่ดีกว่า
นี่ก็คืออีกสาเหตุหนึ่งที่ผมย้ำตั้งแต่แรกเรื่องการคัดกรองและวิเคราะห์ลูกค้าอย่างละเอียดถึงโอกาสที่เหลือในอนาคต
ถ้าดูแล้วเป็นลูกค้าที่มีโอกาสเหลือจริงๆ คุณก็ไม่ควรที่จะงอแงในการเก็บข้อมูลการติดต่อในแต่ละครั้งอย่างครบถ้วน
บทสรุป
หวังว่าท่านคงจะเห็นภาพแล้วว่าการที่เราแพ้ในการรบครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราแพ้สงคราม
มองภาพให้กว้าง ให้ละเอียด และให้ยาวขึ้น
แม้จะได้รับคำตอบว่าเราแพ้ในการนำเสนอครั้งนี้แล้วก็ตาม ยังมีอีกหลายสิ่งที่แนะนำให้คุณทำต่อ
ข้อแรกคือวิเคราะห์ก่อนว่าลูกค้ารายดังกล่าวยังมีโอกาสเหลือให้เราในอนาคตอีกหรือไม่
ข้อสอง ถ้าโอกาสยังเหลือ อย่าลืมที่จะติดต่อลูกค้าเพื่อขอบคุณที่ให้โอกาสและแย็บทิ้งท้ายว่าเราจะขอติดตามเป็นระยะ
ข้อสาม ในช่วงแรกให้ลองติดตามลูกค้าดูเพื่อสอบถามความเรียบร้อย ไม่แน่ว่าคู่แข่งอาจจะพลาดเร็วกว่าที่เราคิด
และข้อสุดท้ายคือไม่หนีหน้าลูกค้าไปไหน ให้พยายามติดต่อเป็นระยะ
เห็นหรือไม่ว่าโอกาสอาจจะไม่ได้ถูกปิดตาย 100% อย่างที่คุณคิดก็เป็นได้ครับ