หนึ่งในวิธีการที่จะทำให้การขายของคุณประสบความสำเร็จคือ “การหาข้อแตกต่างกับคู่แข่งให้เจอ”

เพราะถ้าสิ่งที่คุณขายนั้นมีความใกล้เคียงหรือคล้ายคลึงกับคนอื่นๆ สุดท้ายคุณก็ต้องจบลงที่เกมเดิมๆคือ เกมราคา

 

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นักขายทั่วไปพึงปรารถนา

อย่างไรก็ตาม นักขายหลายคนอาจจะคิดว่า “แล้วจะให้ผมทำอย่างไร”

 

ในเมื่อสิ่งที่ผมขายนั้นมันเหมือนกับคนอื่นจริงๆ ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่ขายสินค้าหรือบริการนี้

ไอ้ครั้นจะไม่ให้เอาส่วนลดมาสู้ ลูกค้าก็ไม่น่าจะเลือกเรา

 

เข้าใจดีครับว่านี่คือปัญหาที่หลายคนเจอ ดังนั้นบทความนี้เลยมีคำตอบมามอบให้

เป็นข้อแตกต่างง่ายๆที่อยากให้คุณลองวางแผนเพื่อการนำเสนอ

 

ถ้าทำสิ่งนี้ได้ก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความแตกต่างและอาจจะไม่ได้มองแค่เรื่องราคาแต่เพียงอย่างเดียว

มาดูกันเลยครับว่ารายละเอียดในเรื่องนี้มีอะไรบ้าง

 

แตกต่างที่ตัวเรา

ข้อแรกสุดที่คุณทำได้และผมเชียร์ให้ทำทันทีคือ “สร้างความแตกต่างจากตัวเราในฐานะนักขาย”

ใช่แล้วครับ เราต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าอาจเหมือนกับคนอื่น 

 

แต่สิ่งที่แตกต่างและไม่เหมือนคือตัวคุณซึ่งเป็นคนดูแลลูกค้า

แน่นอนครับว่าถ้าบอกคร่าวๆกว้างๆแค่นี้ลูกค้าคงไม่ซื้อคุณแน่

 

บางครั้งลูกค้าอาจสบประมาทด้วยซ้ำและไม่แคร์ว่าคุณจะเจ๋งแค่ไหนโดยเฉพาะถ้าการซื้อขายนั้นจบลงที่ช่องทางออนไลน์

หรืออีกประเด็นคือมีลูกค้ามากมายที่ไม่อยากคุยกับคนด้วยซ้ำ ถ้าการซื้อขายจบลงได้ด้วยระบบพวกเค้าก็ยิ่งแฮปปี้

 

เพราะฉะนั้น คุณจำเป็นต้องทำให้การขายตัวเองของคุณนั้นเฉพาะเจาะจงและจับต้องหรือวัดผลได้

 

คำนวณให้ลูกค้าเห็น

บางครั้งการที่ลูกค้าไม่ซื้อเราอาจจะไม่ได้เป็นเพราะสินค้าหรือบริการของเราไม่ดี

แต่เป็นเพราะการนำเสนอของเราผิด

 

เวลาคุณพยายามขายตัวเอง นี่ก็อาจเป็นอีกหนึ่งปัญหาเช่นกัน 

กล่าวคือการนำเสนอของคุณไม่เฉพาะเจาะจงพอหรือไม่สามารถจับต้องหรือวัดผลได้

 

เพื่อให้เห็นภาพ ผมขอลองยกตัวอย่างให้ดู 2 ตัวอย่าง

ตัวอย่างแรก “คุณลูกค้าครับ รับรองว่าถ้าซื้อกับผมผมจะดูแลเป็นอย่างดีแน่นอนครับ”

 

ตัวอย่างที่สอง “ถ้าซื้อกับผม ตัวผมเองจะช่วยลูกค้าเรื่องการวางแผนการสั่งของไม่ให้ขาดเป็นรายวัน นั่นทำให้ลูกค้าประหยัดเวลาอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง ไม่ต้องมานั่งคำนวณเองและไม่ผิดพลาด นอกจากนั้นผมจะเข้าเยี่ยมเดือนละครั้งเพื่อตรวจเช็คเรื่องการบริการเพื่อช่วยลดต้นทุนเรื่องการซ่อมแซมหลังการขายให้ลูกค้าครับ”

 

ผมมั่นใจว่าคุณน่าจะเห็นภาพและบอกได้ว่าการนำเสนอแบบไหนดีกว่า

การนำเสนอแบบที่สองนั้นมีความเฉพาะเจาะจงโดยแปลงการขายตัวเองออกมาเป็น action plan ที่จะทำจริง

 

นอกจากนั้นมีการระบุประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับเช่นการประหยัดเวลา การลดต้นทุน หรือความสะดวกสบาย

การนำเสนอลักษณะนี้ลูกค้าต้องเริ่มเปิดใจฟังคุณมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

หาข้อพิสูจน์

เชื่อหรือไม่ครับว่าลูกค้าหลายคนยังคงไม่แน่ใจกับสิ่งที่คุณนำเสนออยู่ดี

วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือ “พิสูจน์”

 

วิธีที่คุณสามารถใช้ในการพิสูจน์การบริการของตัวคุณเองเช่น

  1. อ้างอิงลูกค้ารายอื่นโดยอาจจะเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ลองคุยกันเอง
  2. ลงเป็นลายลักษณ์อักษรถึงสิ่งที่คุณจะทำให้กับลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าทวงถามได้ถ้าคุณเบี้ยว
  3. โน้มน้าวให้ลูกค้าลองใช้บริการดูเพื่อให้เห็นการบริการของเราจริงๆ

 

วิธีสุดท้ายเป็นวิธีที่ผมแนะนำให้ลองดูทุกครั้ง

สาเหตุเป็นเพราะเราจะได้ถือโอกาสในการปิดการขายไปในตัว และการปิดการขายที่ว่านั้นอาจจะไม่ได้ดูกดดันลูกค้าจนเกินไป

ถ้าคุณมีโอกาสพิสูจน์ให้ลูกค้าเห็นจริงๆ สุดท้ายโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อคุณในระยะยาวก็มีสูงขึ้น

 

บทสรุป

ข้อแตกต่างหลักที่นักขายทุกคนสามารถหยิบนำมาใช้เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อกับเราคือ “ตัวเราเอง”

แม้สินค้าหรือบริการจะเหมือนกันกับที่อื่น แต่ถ้า “ตัวเรา” มีจุดแตกต่างอย่างแท้จริง โอกาสที่ลูกค้าจะเลือกเราก็มีสูง

 

อย่างไรก็ตาม เวลาที่คุณพยายามขายตัวเองนั้น คุณต้องอธิบายอย่างเฉพาะเจาะจงว่าคุณจะทำอะไรให้เค้า

นอกจากนั้นต้องอธิบายได้ว่า action plan ที่ว่านั้นลูกค้าจะได้รับประโยชน์อะไรที่จับต้องหรือคำนวณได้

 

ท้ายสุดคุณต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่พูดไปนั้นไม่ใช่แค่ลมปาก แต่เป็นสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับจากคุณอย่างแน่นอน

ถ้าเรียบเรียงการขายของคุณให้ออกมาในแนวนี้ได้ ผมเชื่อมั่นว่าโอกาสของคุณจะเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอนครับ